โดย…หนอนหนังสือ…
ผีเสื้อไม่ได้มีประโยชน์แต่เพียงช่วยแพร่กระจายพันธุ์พืช แต่เรายังสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้เช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่น สำหรับการดูผีเสื้อในเมืองไทยได้มีมานานแล้ว แต่เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจึงได้เริ่มมีผู้ให้ความสนใจแพร่หลายมากขึ้น และกลายเป็นกิจกรรมศึกษาธรรมชาติอย่างหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ซึ่งนักดูผีเสื้อจำต้องมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้เพื่อใช้จำแนกชนิดของผีเสื้อควบคู่ไปกับการได้รับความรู้และความสนุกสนานเพลิดเพลิน
การดูผีเสื้อสามารถดูได้ตลอดทั้งปี แต่บางฤดูกาลจะพบผีเสื้อมากกว่าปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ หากอากาศร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป ผีเสื้อก็มีน้อย เช่นเดียวกับหากเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งกันดารและมีความชื้นต่ำก็ย่อมมีผีเสื้อน้อย เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมไม่ดีแล้ว พืชอาหารของระยะตัวหนอนก็ไม่ดี รวมทั้งไม้ดอกที่จะเป็นแหล่งน้ำหวานของผีเสื้อระยะตัวเต็มวัยก็ไม่ดีเช่นกัน
ช่วงฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการดูผีเสื้อในเมืองไทยก็คือช่วงเดือนเมษายน – สิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่ผีเสื้อมักกำเนิดออกมาเป็นจำนวนมากพร้อมๆกัน แต่บางท้องที่ในภาคเหนือที่มีความชื้นสูงจะมีผีเสื้อมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ส่วนทางภาคใต้ซึ่งมีฝนตกชุกมากกว่าภาคอื่นๆทำให้พบผีเสื้อเป็นจำนวนมากอยู่เกือบตลอดปี อย่างไรก็ตามการพบผีเสื้อเป็นจำนวนมากก็ไม่ได้หมายความว่ามีจำนวนชนิดมาก
แหล่งดูผีเสื้อที่เหมาะสมควรเป็นแหล่งน้ำที่มีลำธารไหลเอื่อยๆผ่านโขดหิน ตามริมลำธารที่เป็นลานหินและมีแอ่งน้ำขัง ตามพื้นทรายที่ชื้นแฉะริมลำน้ำ บริเวณที่มีผลไม้เน่า หรือมีมูลสัตว์จำพวกขี้ช้างอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เราอาจทำโป่งเทียมสำหรับล่อผีเสื้อให้เข้ามาได้ ด้วยการหาผลไม้มาบ่มไว้จนเน่า หรือใช้น้ำปลาหรือเกลือผสมน้ำคลุกเคล้าเข้ากับพื้นดินพื้นทรายที่ชื้นแฉะ ซึ่งมันจะส่งกลิ่นยั่วยวนใจให้ผีเสื้อจำนวนมากเข้ามากินอาหารอันโอชะเหล่านี้
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผีเสื้อดูผีเสื้อกลางวันมีอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงแรกตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. และช่วงที่สองตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. ทั้งนี้ต้องเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสไร้ฝน หรือหลังฝนหยุดตก อนึ่งช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาสำหรับดูผีเสื้อที่ดีที่สุด เพราะผีเสื้อมักจะเกาะตามกิ่งไม้ใบไม้เพื่ออาบแดดให้ลำตัวและปีกอบอุ่นก่อนออกบินหากิน ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้ดูผีเสื้อได้อย่างใกล้ชิดมากกว่าช่วงบ่าย ประกอบกับช่วงเช้ามีอากาศเย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไป สำหรับช่วงกลางวันตั้งแต่เวลา 10.00-14.00 น. มักเป็นช่วงเวลาที่ผีเสื้อส่วนใหญ่หลบพักผ่อนอยู่ตามใต้ร่มเงาไม้น้อยใหญ่ ส่วนช่วงกลางคืนนั้นผีเสื้อกลางวันก็จะพักผ่อนหลับนอนด้วยการเกาะนิ่งๆตามกิ่งไม้ใบไม้
เฉลยคำตอบฉบับที่179 ไม้ป่า 4 ชนิดนี้ คือ ผักปราบเครือ Streptolirion volubile Edgew. , ข่าคาคบ Cautleya gracilis (Sm.) Dandy , ประทัดดอย Agapetes parishii C.B.Clarke และประทัดแดง Macrosolen brandisianus Tiegh. ไม้ป่าชนิดที่ไม่เข้าพวกก็คือ ง. ประทัดแดง เพราะเป็นพืชจำพวกกาฝาก
ผู้โชคดีที่ตอบถูกและได้รับรางวัล คือ “คาดเอวเข็มขัด รุ่น A30” รหัส 602-129 มูลค่า 525 บาท จำนวน 5 ท่าน ได้แก่ TM1555 , TM1644 , TM1673 , TM1701 และคุณกำจร สุขศรีสวัสดิ์
ประทัดแดง ภาคใต้เรียกว่า“ประทัดนวล” ชื่อวิทยาศาสตร์ Macrosolen brandisianus (Kurz) Tiegh. วงศ์ LORANTHACEAE เป็นไม้พุ่มจำพวกกาฝาก แตกกิ่งก้านมากมาย กิ่งก้านค่อนข้างเปราะหักง่าย ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงกันข้าม รูปใบหอก รูปมนรี หรือรูปขอบขนาน ออกดอกเป็นช่อกระจะสั้นๆตามข้อ 1-3 ช่อ หรืออกตามซอกใบ มีช่อย่อย 2-3 คู่ หรือมีมากถึง 7 คู่ ดอกสีแดงแกมส้ม ดอกเป็นหลอด คอคอดสีม่วงเข้มออกดำ ดอกตูม..ปลายดอกเป็นก้อนสีเขียวนวลแกมเหลือง เมื่อดอกแก่..ปลายดอกบานแยกออกเป็น5แฉกและตลบกลับไปด้านหลัง ออกดอกในราวเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์
ประทัดแดง
พืชสกุลนี้ทั่วโลกพบ 41 ชนิด ในไทยพบ 5-6 ชนิด สำหรับชนิดนี้เป็นพืชเบียนหรือพืชกาฝากเกาะตามคาคบไม้ในป่าดิบเขาที่มีความสูงจากระดับทะเลฯตั้งแต่ 500-1,800 เมตร ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้
แพร่กระจายในเมียนมา และไทย ชื่อสกุล Macrosolen มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า makros แปลว่า ยาว และคำว่า solen แปลว่า ช่อง หรือร่อง ความหมายก็คือ“หลอดดอกเป็นร่องยาว”
ผักปราบเครือ
ผักปราบเครือ ชื่อวิทยาศาสตร์ Streptolirion volubile Edgew. วงศ์ COMMELINACEAE เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นทอดเลื้อยยาวได้ไกล ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว รูปกลมแกมรูปหัวใจ หรือรูปไข่แกมรูปหัวใจ ออกดอกเป็นช่อกระจุกและแยกแขนงตามข้อตรงข้ามกับใบ ดอกสมบูรณ์เพศติดอยู่บนใบประดับช่วงล่าง ส่วนดอกเพศผู้ติดอยู่ช่วงปลายช่อ ดอกสีขาว บางครั้งพบแรกแย้มเป็นสีม่วงซีดแกมขาว ก่อนเปลี่ยนเป็นสีขาว ออกดอกในราวเดือนกรกฎาคม – เดือนตุลาคม
ผักปราบเครือ
พืชสกุลนี้ทั่วโลกพบ 2 ชนิด ในไทยพบเพียงชนิดเดียว โดยพบบนเขาหินปูน ตามชายป่า หรือพื้นที่โล่งในป่าดิบเขาที่มีความสูงจากระดับทะเลฯตั้งแต่ 1,300 เมตร ขึ้นไป ทางภาคเหนือ
แพร่กระจายในอินเดีย เนปาล ภูฏาน ทิเบต จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เมียนมาร์ ไทย ลาว และเวียดนาม ชื่อสกุล Streptolirion มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า streptos แปลว่า บิดเวียน และคำว่า leirion แปลว่า ดอกลิลลี่ ความหมายก็คือ“พืชมีดอกคล้ายดอกลิลลี่ ลำต้นบิดเวียน”
ข่าคาคบ เครดิตภาพจาก http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?wordsnamesci=Cautleya0gracilis0(Sm.)0Dandy
ข่าคาคบ หรือสางเขียว ชื่อวิทยาศาสตร์ Cautleya gracilis (Sm.) Dandy วงศ์ ZINGIBERACEAE เป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีจำพวกอิงอาศัย ลำต้นเทียมที่เกิดจากกาบใบเรียงสลับซ้อนทับกันสูงได้ถึง 50 ซม. ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปใบหอก ออกดดอกเป็นช่อเชิงลดตามปลายยอด ดอกสีเหลืองครีมจนถึงสีเหลืองสด ดอกเป็นหลอด ปลายแยกเป็น3กลีบ ออกดอกในราวเดือนสิงหาคม – เดือนกันยายน
ข่าคาคบ เครดิตภาพจาก http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?wordsnamesci=Cautleya0gracilis0(Sm.)0Dandy
พืชสกุลนี้ทั่วโลกพบ 2 ชนิด ในไทยพบเพียงชนิดเดียว โดยพบขึ้นตามคาคบไม้หรือโขดหินในป่าดิบเขาที่มีความสูงจากระดับทะเลฯตั้งแต่ 1,300-2,500 เมตร ทางภาคเหนือ และ จ.กาญจนบุรี
แพร่กระจายในอินเดีย เนปาล ภูฏาน จีน เมียนมา ไทย ลาว และเวียดนาม ชื่อสกุล Cautleya ตั้งตามนักบรรพชีวินวิทยาชาวอังกฤษ ชื่อ Sir Proby Thomas Cautley
ประทัดดอย
ประทัดดอย ภาคเหนือเรียกว่า“ข้าวเย็น” ชื่อวิทยาศาสตร์ Agapetes parishii C.B.Clarke วงศ์ ERICACEAE เป็นไม้พุ่มจำพวกอิงอาศัย สูงได้ถึง 2 เมตร ลักษณะคล้ายไม้บอนไซหรือกล้วยไม้ กิ่งก้านขนาดเล็กแตกแขนงมากมาย โคนต้นและรากพองอวบใหญ่เพื่อใช้เป็นที่กักเก็บน้ำ ทำให้มีความทนทานต่อดินฟ้าอากาศที่แห้งแล้งได้อย่างดีเยี่ยม ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว มักออกเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง รูปรีแคบ รูปรีแกมรูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกแคบ ออกดอกเป็นช่อเชิงลดและแยกแขนงสั้นๆตามซอกใบและกิ่งก้าน มีดอกย่อยเป็นจำนวนมาก ดอกสีแดงสด ดอกเป็นหลอดโป่งพอง มีสันตามความยาว5สัน ปลายหลอดดอกแยกเป็นแฉกหรือกลีบเล็กๆ5กลีบ ออกดอกในราวเดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม
ประทัดดอย
พืชสกุลนี้ทั่วโลกพบ 109 ชนิด ในไทยพบประมาณ 15 ชนิด สำหรับชนิดนี้พบขึ้นอิงอาศัยบนต้นไม้อื่นตามป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขาที่มีความสูงจากระดับทะเลฯตั้งแต่ 900-1,930 เมตร ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันตก
แพร่กระจายในอินเดีย บังกลาเทศ เมียนมา และไทย ชื่อสกุล Agapetes มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคำว่า agapetos แปลว่า ชื่นชม หรือรัก ความหมายก็คือ“พืชที่มีดอกสวยงาม”
คำถามฉบับที่180
ผีเสื้อกลางวันทั้ง 4 ชนิดนี้ ชนิดใดหาพบได้ง่ายกว่า?
ก. ผีเสื้อม้าขาวประดับเพชร(Jewelled Nawab)
ข. ผีเสื้อขมิ้นกับปูนแถบทอง(Golden Sapphire)
ค. ผีเสื้อมรกตอมฟ้า(Blue Gem)
ง. ผีเสื้อปีกแหว่ง(Blue Admiral)
เชิญร่วมสนุกลุ้นรับโชค 5 รางวัล ด้วยการร่วมสนุกทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ , เฟสบุ๊ก Travel Mart สื่อเดินทาง หรือ line @travelmart หมดเขตรับคำตอบภายในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2564
ทั้งนี้ขอความกรุณากรอกชื่อ-นามสกุล ที่อยู่อย่างละเอียด พร้อมรหัสไปรษณีย์ โทรศัพท์ และอีเมล์ มีหลายท่านที่ตอบมาถูกต้อง แต่เราคงไม่สามารถจัดส่งรางวัลให้ได้ เพราะบอกแค่ชื่อ-นามสกุล เลขที่บ้าน แล้วก็ชื่ออำเภอและจังหวัด หากมีเบอร์โทรหรืออีเมล์ เราจะได้โทรหรืออีเมล์ถามขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แต่ปรากฏว่าไม่มีให้เราติดต่อสอบถามซะอย่างนั้น เพื่อเป็นกติกาเดียวกัน เราขอกำหนดว่าผู้นั้นสละสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล หากมีรายละเอียดไม่ชัดเจนดังกล่าว
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………