คลินิกแค้มป์ โดย..หมอแค้มป์..

แตงกวากับนักเดินป่า

แม่ตะมาน จ.เชียงใหม่

                              เมื่อใดที่ได้ไปท่องเที่ยว แต่ละคนก็มักจะมีหยูกยาสามัญติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะเราไม่รู้ว่าตัวเราหรือเพื่อนเราที่ไปท่องเที่ยวด้วยกัน จะมีอาการไม่สบายหรือได้รับอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆจากการท่องเที่ยว ยิ่งเป็นการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ห่างไกลจากความเจริญ ไม่ว่าจะเป็นการท่องป่าหรือเที่ยวตามเกาะแก่ง การนำหยูกยาสามัญติดตัวไปด้วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

คราใดที่ผู้เขียนได้ไปท่องธรรมชาติ โดยเฉพาะเดินป่า นอกจากหยูกยาที่เตรียมไปด้วยแล้ว ก็มักจะมีพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่งติดตัวไปด้วยเสมอ ซึ่งนอกจากจะนำไปทำเป็นอาหารแล้ว ยังมีประโยชน์เป็นสมุนไพรอีกด้วย นั่นก็คือ“แตงกวา” เป็นไม้เถาไม้เลื้อยที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย มีชื่อสามัญว่า“Cucumber” และชื่อวิทยาศาสตร์ว่า“Cucumis sp.” พืชสกุลนี้มีด้วยกันหลากหลายชนิด เฉพาะที่มีขายในเมืองไทยก็มีแตงกวา แตงลูกเล็ก แตงร้าน แตงลูกใหญ่ และแตงกวาญี่ปุ่น ปกติมีผลรูปทรงยาว เปลือกบาง บ้างก็มีสีเขียวเข้ม เขียวอ่อน หรือไม่ก็เป็นริ้วเขียวขาว ส่วนชื่อตามท้องถิ่นนั้นทางเหนือเรียกว่า“มะแตง มะแตงสั้น หรือมะแตงขี้ไก่” ทางอีสานเรียกว่า“หมากแตงกวา หรือบักแตงกัว” ภาษาส่วยเรียกว่า“ไปรแกร” และทางใต้เรียกว่า“แตง หรือแตงกวา” เอาเป็นว่าเหมารวมเรียกทุกสายพันธุ์ว่า“แตงกวา”เพียงคำเดียวก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

แตงกวาเป็นพืชผักสวนครัวที่เก็บไว้ได้ 3-4 วัน(แต่ถ้าใช้กระดาษห่อและไม่ให้ถูกน้ำก็จะเก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น) นำมาทำอาหารทานได้สารพัดหลายอย่าง หรือแม้แต่ทานเป็นผักสดกับน้ำพริก รวมทั้งหาซื้อกินกันได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะออกผลดกเป็นพิเศษ ทำให้ราคาถูก

ที่สำคัญยังเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย อย่างเช่นน้ำแตงกวามีสารธรรมชาติช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความชุ่มชื่น หากดื่มเป็นประจำจะทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริมราคาแพงกันเลย และยังช่วยบำรุงเส้นผมให้มีความเงางามเป็นประกาย ไม่หลุดร่วงได้ง่ายอีกด้วย

ในปัจจุบันเครื่องสำอางหลายยี่ห้อ จำพวกโฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว หรือในแชมพู ก็มักมีส่วนผสมที่สกัดมาจากน้ำและผลแตงกวา เพราะในทางวิทยาศาสตร์พบว่าผลแตงกวามีกลูโคส ฟรีอะมิโนเอซิด เอ็นไซม์อีเร็พไซม์ วิตามินบีสอง วิตามินซี และยังมีน้ำมันหอมระเหยกลิ่นหอมเย็นๆปนเปอยู่นิดหน่อย อีกทั้งในเมล็ดแตงกวายังมีไขมันของพืชที่เรียกว่า“โอเลอิกเอซิด และไลโนเลอิคเอซิด” ซึ่งสารต่างๆเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณในการช่วยบำรุงผิว และช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้านให้หลุดออกไป เพื่อให้ได้ผิวใหม่ นอกจากนี้แตงกวายังมีเส้นใยชนิดอ่อนช่วยในการขับถ่าย และเชื่อว่าช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ สาวๆที่กลัวอ้วนอย่างน้องในกลุ่มเดินป่าด้วยกันจึงชอบทานแตงกวาอยู่เสมอ

ดอยม่อนจอง จ.เชียงใหม่

                              อย่าเพิ่งคิดว่าผู้เขียนกำลังแนะนำเรื่องความสวยงาม แต่อยากบอกว่าเมื่อเดินป่า ควรที่จะมี“แตงกวา”ติดตัวทุกคน ไม่ใช่เพื่อฝานแตงกวาเป็นแว่นบางๆโปะผิวหน้าและบริเวณดวงตา เพื่อให้น้ำจากแตงกวาแทรกซึมสู่ผิว ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เหมือนอย่างสาวๆที่รักสวยรักงามกระทำกัน

แต่ติดตัวไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินขณะอยู่ในป่า ดังต่อไปนี้

  1. ยามขาดน้ำ เราสามารถกินแตงกวาแทนน้ำได้ เพราะแตงกวามีน้ำอยู่มากถึง96% นอกจากให้ความหวานเย็นและมีกลิ่นหอมอ่อนๆแล้ว ยังช่วยแก้กระหายและเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย รวมทั้งแร่ธาตุโปแตสเซียมที่มีอยู่มากในแตงกวา ยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข้งขามีความยืดหยุ่นดีอีกด้วย
  2. เมื่อมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน เจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ และปัสสาวะติดขัด การทานแตงกวาสดๆจักช่วยบรรเทาแก้อาการไข้ดังกล่าวได้

ทุ่งโนนสน จ.พิษณุโลก-จ.เพชรบูรณ์

  1. หากเกิดอุบัติเหตุเป็นแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เราก็ใช้มีดตัดปลายด้านหนึ่งของแตงกวา แล้วใช้ช้อนหรือมีดคว้านเอาไส้ในของแตงกวา ออกมาโปะบาดแผลดังกล่าว ความเย็นของไส้ในจักช่วยสมานแผลให้แห้งและลดบรรเทาอาการปวดแสบ
  2. หากถูกผึ้งหรือแมงป่องกัดต่อย หลังจากทำการดึงเหล็กไน รวมทั้งทำความสะอาดบาดแผลด้วยไอโอดีนชนิดเข้มข้น แอลกอฮอล์ หรือด่างทับทิมเป็นที่เรียบร้อย ให้ใช้ไส้ในของแตงกวา โดยเฉพาะเม็ด นำมาตำให้ละเอียด แล้วพอกปิดบาดแผลก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดลงได้

เป็นไงครับ! ประโยชน์ของแตงกวาไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นอาหารหรือความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นพืชสมุนไพรที่นักเดินป่าควรมีติดตัวอยู่เสมอ และเชื่อว่าเพื่อนๆก็คงรู้ว่ายังมีพืชผักสวนครัวอีกหลายชนิดที่นำมาเป็นสมุนไพรได้

ภูสวนทราย จ.เลย

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….