ป่าใส่เสื้อ..ดอยอินทนนท์ – ผาช่อ จ.เชียงใหม่
22-26 ตุลา’63
ไอเย็นชำแรกผิวผะแผ่ว เมื่อจุดที่เรายืนอยู่เวลานี้คือ “หลังคาของประเทศ” ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2,500 เมตร วลี “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” จึงใช่เป็นเพียงคำคมที่มีไว้ให้จดจำเพื่อสำเหนียกตัวตนเท่านั้น ละอองไอของเมฆหมอกที่โอบคลุมอยู่เกือบตลอดเวลา เอื้ออำนวยต่อการดำรงอยู่เยี่ยงผืนพรมธรรมชาติสีเขียวสดของพืชพันธุ์ เช่น มอสส์ และเฟิร์น เป็นต้น รองเท้านารีอินทนนท์ผลิดอกออกประดับป่าในยามวัสสันตฤดูกาล และกุหลาบพันปีกำลังรอคอยคืนวันแห่งคิมหันต์ฤดูที่ตนจะได้แย้มกลีบงามออกอวดโลกกับเขาบ้างอย่างสุขุม แต่ไม่ว่ายามใด เห็ดป่าจะถูกเกาะกุมด้วยหยดน้ำแห่งความชุมชื้นจนผิวสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง สะท้อนแสงแวววาวเปล่งประกายดุจอัญมณีอยู่ตามมุมเล็กๆแห่งป่าดึกดำบรรพ์อันกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งเขียวครึ้มอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกเย็นยะเยือกมานานแสนนาน ผืนดินที่ชื้นแฉะอยู่ตลอดปีฟ้องว่าที่นี่คือป่าต้นน้ำที่ยังสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่นี่คือฟองน้ำธรรมชาติก้อนใหญ่ที่ซึมซับความชุ่มชื้นไว้ให้มวลมนุษยชาติ และที่นี่คือต้นธารแห่ง “ขุนน้ำอินทนนท์” คีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ผู้รังสรรค์บทเพลงแห่งสายน้ำอันเป็นนิรันดร์กาลชั่วนาตาปี มโหรีธรรมชาติวงมหึมาวงนี้ ขับขานบทเพลงดังอึงอลไปทั่วป่า ขับกล่อมวิญญาณไพรให้อภิรมย์ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย แต่ใครเลยจะล่วงรู้ว่า ณ จุดเริ่มต้นที่สูงที่สุดแห่งนี้ บทเพลงที่ไม่มีวันจบได้ไหลระเรื่อยไปรวมกันเป็นสายน้ำใหญ่ที่โยงใยสายสัมพันธ์แห่งพี่น้องชาวไทยเข้าไว้ด้วยกัน
วันแรกของการเดินทาง
18.30 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
น้ำตกแม่ยะ
พระมหาธาตุนภเมทนีดล
วันที่สองของการเดินทาง
06.00 น. ล้างหน้าล้างตาทานอาหารเช้าที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แล้วเดินทางสู่น้ำตกแม่ยะ เป็นน้ำตกที่มีความสูงที่สุดของดอยอินทนนท์ สูงราว 260 เมตร มีชั้นเชิงบนหน้าผาสูงกว่า30ชั้น ความงามของสายน้ำจะไหลลดหลั่นลงมาทั่วทั้งหน้าผาที่สูงใหญ่มหึมา ส่งเสียงอื้ออึงดังไปไกลเพื่อตอกย้ำให้เราเชื่อว่า “ศิลปินใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าศิลปินธรรมชาตินั้นไม่มีอีกแล้ว” ก่อนเที่ยงเดินทางสู่ดอยอินทนนท์ หนทางจะลัดเลาะคดเคี้ยวสู่ภูเขาสูงที่เลียบลำน้ำแม่กลางและแนวเทือกเขาที่ตัดเป็นหน้าผาสูงชันขึ้นไปยังยอดเขาลูกแล้วลูกเล่า แวะชมน้ำตกสิริธาร..น้ำตกแห่งใหม่ที่มีความยิ่งใหญ่และสวยงามไม่น้อยหน้าน้ำตกใด นำสัมภาระเข้าบ้านพักและทานอาหารเที่ยง บ่ายๆเดินทางไปชมกลุ่มน้ำตกแม่ปาน เป็นแหล่งชุมนุมน้ำตกที่มีความงดงามใกล้เคียงกันหลายแห่ง ได้แก่ น้ำตกห้วยทรายเหลือง น้ำตกแม่ปาน ออบน้อย น้ำตกผาสำราญ และน้ำตกสองพี่น้อง โดยเฉพาะน้ำตกแม่ปานที่มีความสูงเป็นอันดับ3ของดอยอินทนนท์ ทานอาหารเย็นท่ามกลางหมู่สกุณาที่ร้องขับขานไปทั่วราวป่า ก่อนจะบินกลับรังนอน ค่ำคืนนี้อากาศยังเย็นเช่นวันวาน เชิญเพื่อนๆนั่งคุยกันตามภาษาคนรักธรรมชาติก่อนเข้าสู่นิทรา
ผาช่อ
กิ่วแม่ปาน
วันที่สามของการเดินทาง
06.00 น. ชมทะเลหมอกบนยอดดอย สักการะพระธาตุนภเมทนีดลและนภพลภูมิสิริ หลังอาหารเช้า..เดินทางขึ้นสู่ยอดดอยอีกครั้ง เดินป่าตามเส้นทางสายอ่างกาเป็นป่าดิบเขาสูงที่อุดมสมบูรณ์และมีเพียงไม่กี่แห่งในเมืองไทย นับเป็นแหล่งดูนกที่มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะนกที่พบที่นี่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย อาทิ นกกินปลีหางยาวเขียว เป็นต้น และสักการะพระธาตุเจ้าอินทรวิชยานนท์ ทานอาหารเที่ยง บ่ายๆชมน้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกที่มีความสูงเป็นอันดับ2ของดอยอินทนนท์ สูงราว 80 เมตร สายน้ำจะกระแทกกระทั้นกับชั้นหินแต่ละเชิงก่อนจะลงมากระทบพื้นหินด้านล่าง ทำให้ละอองไอของสายน้ำฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วหุบเขาจนกายเราเย็นฉ่ำ ยามแสงแดดลอดเรือนยอดไม้ลงมากระทบละอองน้ำก็จะเกิดสายรุ้งโอบโค้งพาดผ่านน้ำตกทั้งสายอย่างงดงามยิ่ง ก่อนเดินทอดน่องชมโครงการหลวงฯที่ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยไม้ดอกเมืองหนาวอย่างสวยงาม และชมน้ำตกสิริภูมิที่หลั่งไหลลงมาจากหน้าผาสูงเป็นเส้นสีขาว2สายดูคล้ายงาช้าง ก่อนตกลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง ทานอาหารเย็นก่อนเข้าสู่นิทราในอ้อมกอดของขุนเขา
น้ำตกวชิรธาร
พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
วันที่สี่ของการเดินทาง
05.30น. อากาศเช้าเย็นยะเยียบกาย หลังอาหารเช้าเดินทางสู่ผาช่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นเส้นทางเดินของแม่น้ำมาก่อน สังเกตได้จากกรวดหินกลมมนที่กระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินเป็นจำนวนมาก ได้มีการสะสมตัวของตะกอนเป็นชั้นๆบริเวณขอบแอ่งและเชิงเขาของแนวเทือกเขาถนนธงชัยตอนกลาง ตั้งแต่ช่วงปลายยุคเทอร์เชียรี ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นทวีปเคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งปัจจุบัน(ประมาณ 5 ล้านปีก่อน) ต่อมาเกิดการแปรสัณฐานของธรณีทำให้เส้นทางเดินของแม่น้ำเปลี่ยน บริเวณนี้ถูกดันตัวขึ้นกลายเป็นพื้นที่เนินเขา และเนื่องจากว่าตะกอนยุคเทอร์เชียรี ซึ่งมีอายุไม่มากนักจึงยังไม่เปลี่ยนสภาพเป็นหินแข็ง ชั้นของตะกอน หินกรวด และหินทรายที่วางตัวเป็นชั้นสลับกัน มีคุณสมบัติคงทนต่อการสึกกร่อนต่างกัน เมื่อถูกน้ำกัดเซาะชะล้างหน้าดินทำให้เกิดเป็นหน้าผาและแท่งเสาดินที่มีลวดลายสวยงาม ทานอาหารเที่ยงตามอัธยาศัยระหว่างทาง ช้อปปิ้งของที่ระลึกและทานอาหารเย็นตามอัธยาศัยที่นครสวรรค์ ราวๆ 4-5 ทุ่ม ก็ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ
ชมทะเลหมอก
ป่าเขียวชอุ่มชุ่มชื้นตา
การเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง :
- เสื้อกันฝน อุปกรณ์กันฝน และเสื้อกันหนาว
- รองเท้าผ้าใบสำหรับเดินป่า และรองเท้ารัดส้น
- ถุงพลาสติกหรืออุปกรณ์ใส่เสื้อผ้าและกล้องถ่ายรูปกันเปียกน้ำ
- กระติกน้ำ ไฟฉาย หมอนลม และหมวกกันแดด
- ยาแก้โรคประจำตัว (ถ้ามี)
- เต็นท์และถุงนอน
- จิตใจของผู้เสาะแสวงหาธรรมชาติอันพิสุทธิ์
แบกสัมภาระของตัวเอง
รวมทั้งเต็นท์ และถุงนอน
(ที่เรามีให้)
แบกสัมภาระเฉพาะของตัวเอง
มีลูกหาบที่ว่าจ้างให้แบกสัมภาระได้
ไม่ต้องแบกสัมภาระ
ค่าใช้จ่าย :
ท่านละ 4,750 บาท (สมาชิก 4,350 บาท)
ค่าใช้จ่ายรวม :
รวมค่ารถปรับอากาศเดินทางไป-กลับ อาหาร7มื้อ เจ้าหน้าที่นำทาง ค่าธรรมเนียม มัคคุเทศก์ เครื่องดื่ม รวมทั้งค่าประกันอุบัติเหตุทุกที่นั่งๆละ 500,000 บาท
หมายเหตุ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ควรออกกำลังกายก่อนการเดินทางล่วงหน้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์ สำหรับค่าลูกหาบแบกสัมภาระขึ้น-ลงเขา ท่านต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง
ติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง :
สนง.ใหญ่ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. โทร.0-2245-4211 , 0-2247-5371-2 , 0-2642-4230-1 ต่อ 20 ; 0-2642-4831 (เบอร์ตรง) โทรสาร.0-2640-0020 e-mail : [email protected]
ท่านสามารถชำระเงินค่าบริการได้ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. หรือสามารถชำระผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรางน้ำ บัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 052-1-07126-5 ชื่อบัญชี”บริษัท สื่อเดินทาง จำกัด” โดยวางเงินมัดจำท่านละ 1,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระก่อนการเดินทางล่วงหน้า 10 วัน
กรณีการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารฯ กรุณาส่งโทรสารใบโอนเงินมายังสโมสรฯที่เบอร์โทรสาร.0-2640-0020 หรือ e-mail : [email protected] พร้อมทั้งแจ้งชื่อ-นามสกุลของผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน หมายเลขสมาชิกฯ(ถ้ามี) และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
*ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมตามความเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า