คู่มือการใช้หน้ากากดำน้ำ (Used to Diving Mask)

เป็น อุปกรณ์พื้นฐานในการดำน้ำผิวน้ำ (Skin Diving) และดำน้ำลึก (Scuba Diving) เนื่องจากหากเราทดลองลืมตาในน้ำก็จะพบว่าภาพที่เห็นจะไม่ชัดหรือเบลอไปหมด สาเหตุมาจากตาของเราไม่สามารถปรับโฟกัสให้ชัดเจนได้ในสภาวะที่มีน้ำหรือของ เหลวล้อมรอบอยู่ ดังนั้นหน้ากากดำน้ำจึงเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ขณะดำน้ำ

เพราะเมื่อสวมหน้ากากดำน้ำจะทำให้เกิดช่องอากาศขึ้นระหว่างนัยน์ตาของเรากับน้ำที่ล้อมรอบอยู่ภายนอกหน้ากากดำน้ำ ทำให้ตา สามารถปรับโฟกัสได้ เราจึงมองเห็นทัศนียภาพต่าง ๆ ใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน แต่กรณีที่แสงจะต้องเดินทางผ่านน้ำ และผ่านช่องอากาศที่อยู่ภายในหน้ากากเข้ามายังนัยน์ตานี่เอง ความเร็วของแสงที่เดินทางผ่านทั้ง 2 อย่าง จะไม่เท่ากัน ทำให้เกิดการหักเหของแสงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้เรามองเห็นภาพใต้น้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นและใกล้กว่าความเป็นจริงประมาณ 25% ปัจจุบันหน้ากากดำน้ำมีหลากหลายรูปแบบ อาทิ เลนส์เดียว เลนส์คู่ มีวาล์วไล่น้ำหรือไม่มี ฯลฯ ข้อแตกต่างของหน้ากากดำน้ำที่มีวาล์ว และไม่มีวาล์ว หน้ากาก ดำน้ำแบบมีวาล์วสามารถไล่น้ำออกจากหน้ากากได้ง่าย โดยการก้มหน้าให้น้ำมาคั่งอยู่ที่บริเวณวาล์วกดหน้ากากให้กระชับแน่นกับใบ หน้าแล้วหายใจออกทางจมูกก็สามารถไล่น้ำออกจากหน้ากากดำน้ำได้อย่างง่ายดาย แต่ข้อเสียของหน้ากากที่มีวาล์วก็มีเช่นกัน ดังนี้
1. หากมีวัตถุเล็ก ๆ เช่น กรวด ทราย ฯลฯ เข้าไปอุดตันบริเวณวาล์วก็จะทำให้น้ำไหลซึมเข้าหน้ากากดำน้ำได้ง่าย และไม่สามารถเคลียร์หรือไล่น้ำออกได้
2. กรณีที่วาล์วไล่น้ำเป็นยางซิลิโคนแผ่นเล็กและบาง หากเกิดหลุดหายหรือฉีกขาดก็จะทำให้วาล์วเสียและมีน้ำไหลซึมเข้าหน้ากากดำน้ำอยู่ตลอดเวลา โดยไม่สามารถเคลียร์หรือไล่น้ำออกได้
3. หน้ากากดำน้ำที่มีวาล์วทำให้นักดำน้ำจะไม่สามารถบีบจมูกเพื่อปรับความดันขอร่างกายให้เท่ากับแรงดันของน้ำได้ถนัด
ส่วน หน้ากากดำน้ำแบบธรรมดาหรือไม่มีวาล์วจะต้องรู้จักฝึกการไล่น้ำออกจากหน้ากาก ดำน้ำให้เกิดความชำนาญ หากอยู่บนผิวน้ำก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เงยศีรษะขึ้นให้พ้นน้ำแล้วเปิดหน้ากากดำน้ำให้น้ำไหลออกมาก็เป็นอัน เรียบร้อย แต่หากเราอยู่ใต้น้ำแล้วขี้เกียจขึ้นมาผิวน้ำเพื่อเทน้ำออกจากหน้ากากดำน้ำ เราก็สามารถเอาน้ำออกจากหน้ากากดำน้ำได้เช่นเดียวกันด้วยการเงยศีรษะ หรือแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไหลลงมาอยู่ตรงบริเวณขอบหน้ากากดำน้ำ ทางตอนล่าง แล้วจึงค่อย ๆ เผยอส่วนล่างของหน้ากากดำน้ำ หรือเอามือกดส่วนบนของหน้ากากดำน้ำเอาไว้ เพื่อทำให้ส่วนล่างของหน้ากากคลายความกระชับกับใบหน้าและเผยอเล็กน้อย จากนั้นหายใจออกทางจมูกเบา ๆ ก็สามารถไล่น้ำออกจากหน้ากากดำน้ำได้ ขอย้ำว่า “เผยอ” ไม่ใช่เปิด

ลักษณะของหน้ากากดำน้ำที่ดี
1. โครงหน้ากากดำน้ำทำจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทนทาน
2. ยางที่ใช้เป็นส่วนประกอบของหน้ากากดำน้ำ ต้องเป็นยางที่มีคุณภาพดีที่สามารถทนทานต่อการใช้งานในทะเล และ ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังขณะสวมใส่ เช่น ซิลิโคน ฯลฯ
3. ควรมีซีลกันน้ำอยู่รอบหน้ากากดำน้ำถึง 2 ชั้น ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำซีลมี 2 แบบ คือ พีวีซี (PVC) และยางเทียมหรือยางแท้
4. กระจกเลนส์สำหรับหน้ากากดำน้ำต้องเป็นกระจกนิรภัยที่ผ่านการอบความร้อนมาแล้ว ซึ่งจะมีภาษาอังกฤษติดอยู่ที่กระจกว่า “Safty Glass” หรือ “Tempered Glass” มีคุณสมบัติไม่เป็นฝ้าง่ายและแตกยาก นอกจากนี้หากหน้ากากดำน้ำหล่นลงพื้นจนกระจกแตกมัน มันก็จะไม่เกิดส่วนคม แต่มีลักษณะเหมือนเม็ดทรายที่เกาะรวมตัวกันแน่นเช่นเดียวกับกระจกรถยนต์ทั่ว ๆ ไป
5. ต้อง มีที่ครอบปิดจมูก ซึ่งทำเป็นรูปสันจมูกขึ้นมา หรือเว้าเข้าทางด้านข้างของจมูกทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้ปรับความดันของร่างกายให้เท่ากับแรงดันของน้ำ โดยการใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งของมือข้างใดข้างหนึ่งบีบจมูกให้แน่น แล้วหายใจออกแรง ๆ ลมหายใจที่ถูกปิดกั้นทางจมูกจะถูกผลักดันให้ไหลไปออกทางช่องหูแทน ทำให้อาการปวดหูขณะดำน้ำหายไป
6. กระจกของหน้ากากดำน้ำที่มีระยะชิดกับใบหน้ามากที่สุด (ในขณะสวมใส่) จะทำให้มองเห็นได้มุมกว้างมากที่สุดและปริมาตรของอากาศในหน้ากากดำน้ำมีน้อย ทำให้การเคลียร์หรือขับไล่เอาน้ำออก (ขณะดำน้ำ) ทำได้ง่ายขึ้น ต่างกับกระจกของหน้ากากดำน้ำที่มีระยะห่างจากใบหน้า (ขณะสวมใส่) ที่มีมุมมองแคบกว่าและต้องใช้แรงหายใจอย่างมากในการไล่น้ำออกจากหน้ากากดำน้ำ
7. สายรัดที่คาดอยู่ด้านหลังศีรษะ ควรเป็นแถบกว้างและแยกออกเป็น 2 ส่วนเพื่อสวมใส่ได้กระชับคล่องตัว นอกจากนี้ตัวล็อคสายรัดต้องล็อคได้แน่น ไม่เลื่อน และปรับเลื่อนเพื่อให้กระชับกับศีรษะได้ง่ายแม้ขณะสวมใส่ รวมทั้งจะต้องมีที่เก็บปลายสายและกันสายหลุดออกมาขณะปรับ (Strap Keeper)
หลักการเลือกซื้อหน้ากากดำน้ำ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ต้องสวมใส่ได้พอดีและสบาย” ดังนั้นควรเลือกหน้ากากดำน้ำที่ใส่แล้วกระชับพอดีกับใบหน้า ไม่บีบรัดหรืออึดอัด วิธีการเลือกก็มีดังนี้

ลอง ใช้มือจับหน้ากากดำน้ำทาบกับใบหน้าโดยให้ครอบทั้งตาและจมูก แต่ระวังอย่างให้เส้นผมสักเส้นเข้าไปในหน้ากากดำน้ำ และไม่ต้องใช้สายรัดศีรษะ จากนั้นหายใจเข้าทางจมูกตามปกติ แล้วกลั้นหายใจไว้ พร้อม ๆ กับค่อยๆปล่อยมือออก เพื่อทดสอบดูว่าซีลของหน้ากากแนบแน่นกับใบหน้าพอดีหรือไม่ และยังสามารถช่วยบอกถึงปริมาตรภายในหน้ากากดำน้ำได้อีกด้วย หากหน้ากากดำน้ำยึดติดอยู่กับใบหน้าโดยไม่หลุดร่วง ก็เป็นอันว่าหน้ากากดำน้ำนั้นมีขนาดพอดีกับใบหน้า ในกรณีเดียวกันหากต้องหายใจเข้าแรงขึ้นหรือหน้ากากดำน้ำติดอยู่กับใบหน้าได้ เพียงชั่วครู่ แล้วค่อย ๆ คลายหลุดออกทั้งที่ยังมิได้หายใจออก แสดงว่าหน้ากากดำน้ำนั้นมีขนาดใหญ่เกินใบหน้า กรณีหน้ากากดำน้ำไม่หลุดร่วง แต่รู้สึกเจ็บตามขอบใบหน้า แสดงว่าหน้ากากดำน้ำนั้นมีขนาดเล็กเกินไป อนึ่งขณะทดลอง ควรใช้มือรองไว้เพื่อป้องกันหน้ากากดำน้ำหลุดร่วงหล่นจนกระจกเลนส์แตก มิฉะนั้นเราต้องจำใจซื้อหน้ากากดำน้ำอันนั้นไปใช้งาน (ไม่ได้) อย่างไม่เต็มใจเลย

เมื่อ ทดลองจนได้หน้ากากดำน้ำที่พอดีกับใบหน้าแล้ว ลองใช้นิวชี้กับนิ้วโป้งของมือข้างใดก็ได้บีบที่จมูกซึ่งมีหน้ากากดำน้ำทาบ ใบหน้าอยู่ หากทำได้ถนัดก็ถือว่าเป็นหน้ากากดำน้ำที่ดีที่สามารถใช้ปรับความดันของร่าง กายให้เท่ากับแรงดันของน้ำได้อย่างสะดวก
สำหรับ ผู้ที่มีสายตาสั้นไม่มากก็ไม่ต้องพะวงอะไร ในเมื่อการหักเหของแสงที่เดินทางผ่านน้ำและผ่านช่องอากาศที่อยู่ภายใน หน้ากากดำน้ำ จะทำให้เราเห็นวัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำมีขนาดใหญ่กว่าความเป็นจริงถึง 25% แต่ถ้ามีสายตาสั้นมาก ๆ สมัยก่อนก็จะใช้วิธีพับขาทั้ง 2 ข้างของแว่นสายตาแล้ววางลงในหน้ากาก ก่อนสวมใส่อีกทีหนึ่ง แต่ก็ทำให้การมองไม่ชัดเจนดีพอ และยังถูกแบ่งช่องการมองออกเป็น 4 ช่องจากขาทั้ง 2 ข้างของแว่นสายตาที่วางพาดอยู่บนตัวแว่น ปัจจุบันได้มีการผลิตเลนส์สายตาสำเร็จรูปที่ใช้กับหน้ากากดำน้ำขึ้นมามากมาย หลายรูปแบบและหลายขนาด เพื่อใช้กับหน้ากากดำน้ำรุ่นที่สามารถถอดเปลี่ยนใส่เลนส์สายตาได้ ส่วนประกอบอื่น ๆ อันได้แก่ รูปทรงและสีสัน ถือว่าเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จะต้องตัดสินใจจ่ายเงินเพิ่มกันเอาเอง วิธีการสวมใส่หน้ากากดำน้ำ (ก่อนลงดำน้ำ)

การสวมใส่หน้ากากดำน้ำมักมีปัญหาในเรื่องเส้นผมเข้าไปในหน้ากากดำน้ำ ทำให้น้ำไหลซึมเข้าไปตามเส้นผมสู่หน้ากากดำน้ำ ดังนั้นควรใช้มือหนึ่งเสยผมขึ้นไปแล้วคาไว้อย่างนั้น ขณะที่อีกมือหนึ่งวางหน้ากากดำน้ำลงบนใบหน้า เมื่อหน้ากากดำน้ำอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ก็เอามือที่จับผมอยู่นั้นปล่อยออก แล้วมาดึงสายรัดศีรษะแทน ซึ่งอาจปล่อยมือข้างที่จับหน้ากากอยู่มาช่วยจัดสายรัดศีรษะให้เข้าที่ด้วยก็ได้ โดยให้สายรัดอยู่เหนือใบหูของผู้สวมใส่

การปรับสายรัดหน้ากากดำน้ำไม่ควรให้แน่นเกินไป เพราะจะทำให้ซีลรอบหน้ากากดำน้ำกดรอบใบหน้าของผู้ใช้จนเป็นร่องลึก และเป็นรอยรูปของหน้ากากดำน้ำ อันก่อให้เกิดความเจ็บปวดบนใบหน้าไม่น้อย แต่ถ้าปรับไม่กระชับพอดี น้ำก็จะซึมเข้าหน้ากากดำน้ำได้ง่าย วิธีป้องกันไม่ให้หน้ากากดำน้ำเกิดฝ้าขณะดำน้ำ

การดำน้ำผิวน้ำหรือดำน้ำลึกมักมีปัญหาเกี่ยวกับฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณกระจกด้านในของหน้ากากดำน้ำขณะใช้งาน ซึ่งเกิดขึ้นจากอุณหภูมิของร่างกายเราแตกต่างกับน้ำทะเลที่อยู่ล้อมรอบตัว ลักษณะเช่นเดียวกับการขับรถยนต์ขณะมีฝนตกโดยปิดกระจกหมด แต่ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ นั่นคือกระจกเลนส์ด้านนอกจะสัมผัสกับน้ำซึ่งเย็น ส่วนกระจกเลนส์ด้านในจะได้ไออุ่นจากตัวเรา สาเหตุดังกล่าวจึงทำให้กระจกเลนส์ภายในหน้ากากดำน้ำเกิดเป็นฝ้าหรือมีไอน้ำเกาะตัว เราจึงมองอะไรไม่ค่อยเห็นหรือเห็นแต่เป็นภาพเบลอ ๆ ไม่ชัดเจน

ดังนั้นวิธีป้องกันไม่ให้ฝ้าเกิดขึ้นภายในหน้ากากดำน้ำ ก็โดยใช้วิธีทำฟิลม์ที่กระจกด้านในเสียก่อน แต่ก่อนทำฟิลม์จะต้องให้กระจกด้านในแห้ง หากเปียกน้ำก็จะไม่ได้ผล อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำฟิล์มป้องกันฝ้ามีอยู่ด้วยกันหลายอย่างได้แก่

1. ใช้น้ำยาป้องกันฝ้าที่บรรจุขายเป็นขวด ๆ ตามร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำทั่วไป เช่น Sea Drop ฯลฯ ซึ่งได้ผลดีที่สุด
2. ใช้แชมพูสระผมอย่างอ่อน ๆ ที่ไม่แสบตา
3. ใช้ครีมกันแดด แต่วิธีนี้จะรู้สึกแสบตา เมื่อสวมใส่หน้ากากดำน้ำ
4. ใช้น้ำลายของเราหรือของเพื่อนสนิท (หรือไม่สนิท) วิธีนี้สะดวกที่สุด และไม่ต้องหาซื้อให้เปลืองเงิน

หลังจากทาอุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งบริเวณกระจกเลนส์ด้านในของหน้ากากดำน้ำเพื่อทำฟิล์มเรียบร้อยแล้ว จึงปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิท หากใช้น้ำยากันฝ้าทำฟิลม์ก็ไม่ต้องล้างน้ำ แต่หากใช้อุปกรณ์ชนิดอื่นก็ต้องเอาไปล้างน้ำ โดยนำหน้ากากดำน้ำลงจุ่มน้ำแกว่งไปมา หรือเอาน้ำเทใส่หน้ากากดำน้ำแล้วเอียงไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อให้น้ำไหลกรอกไปมาได้อย่างทั่วถึง ก่อนเททิ้ง อนึ่งขณะล้างน้ำ..ห้ามใช้มือถูฟิล์มที่เราทำขึ้นอย่างเด็ดขาด

นอก จากนี้ยังมีวิธีการทำฟิลม์อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการทำฟิลม์กันฝ้า วิธีการก็ง่าย ๆ โดยนักดำน้ำจะสวมใส่หน้ากากดำน้ำก่อนลงน้ำ แล้วเมื่อลงน้ำก็จะเปิดให้น้ำเข้าทางตอนล่างของหน้ากากดำน้ำเพียงเล็กน้อย จากนั้นเคลียร์เอาน้ำออก เพียงแค่นี้หน้ากากดำน้ำก็จะปราศจากฟ้ามารบกวนให้ขุ่นข้องหมองใจ การดูแลรักษาและทำความสะอาด
1. ขณะเดินทางไปดำน้ำและยังไม่ถึงเวลาใช้งาน ควรคล้องหน้ากากดำน้ำไว้ที่คอ หรือเก็บไว้ในสถานที่ที่จะไม่ถูกเหยียบหรือถูกสิ่งของหนัก ๆ วางทับ
2. ก่อนลงน้ำควรสวมหน้ากากดำน้ำให้เรียบร้อย อย่าคาดไว้บนศีรษะเพื่อความเท่หรือเก๋ไก๋แล้วกระโดดลงน้ำ เพราะอาจจะทำให้หน้ากากดำน้ำหล่นจมหายลงไปในน้ำ หรืออาจหล่นลงพื้นจนกระจกเลนส์แตกได้
3. ไม่จำเป็นต้องล้างหน้ากากดำน้ำด้วยน้ำจืดทุกครั้งที่ขึ้นจากน้ำทะเล แต่ต้องแช่หรือล้างน้ำจืดทุกครั้งที่เลิกจากการดำน้ำ แล้วผึ่งให้แห้งในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทสะดวก จากนั้นใช้แป้ง (ทาตัว) โรยทาตรงส่วนของหน้ากากดำน้ำที่เป็นยางหรือซิลิโคน เพื่อให้แป้งช่วยซับน้ำที่ค้างอยู่ตามร่องหรือซอกเล็ก ๆ ให้แห้งสนิท รวมทั้งยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง หรือซิลิโคลนให้ทนทานได้นานอีกด้วย
4. การ เก็บหน้ากากดำน้ำขณะที่ยังชื้นอยู่ ไม่แห้งสนิท หน้ากากดำน้ำนั้นจะกลายเป็นอาหารอันโปรดปรานของแมลงต่าง ๆ มากัดกินโดยเฉพาะแมลงสาบ (กรณีไม่มีกล่องใส่) แต่ถ้าเก็บหน้ากากดำน้ำที่ยังชื้นอยู่ใส่กล่องเพื่อป้องกันแมลง จะทำให้เกิดเชื้อราสีดำบริเวณยางหรือซิลิโคนตามหลืบหรือร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำให้อายุการใช้งานของยางหรือซิลิโคลนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้นควรเก็บหน้ากากดำน้ำเมื่อแห้งสนิทแล้วรวมทั้งควรมีกล่องบรรจุใส่ อย่างมิดชิด
5. ห้ามนำหน้ากากดำน้ำตากแดด เพราะแสงแดดจะทำให้ยางหรือซิลิโคนมีสีเหลือง และมีความแข็งกระด้างรวมทั้งเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ